ในยุคที่บริษัท ร้านค้าต่าง ๆ หันมาขายสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ E-Commerce ทำเว็บแสดงสินค้าทั่วไป หรือขายใน Platform ดังต่างๆ เช่น Lazada, Tiktok, Shopee หรือผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยปัจจัยหลัก ๆ ในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค นอกจากตัวสินค้าแล้วก็คือความน่าเชื่อถือของร้านค้าที่ขายนั่นเอง โดยเฉพาะการเปิดเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ หรือเว็บไซต์ E-Commerce ภายใต้ชื่อเว็บไซต์ของตัวเองก็จะยากกว่าในการสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้า เทียบกับการที่จำหน่ายบนแพล็ตฟอร์มที่เป็นที่นิยม

โดยในบทความนี้จะนำผลสำรวจจาก NP Digital ที่ทำการสำรวจผู้บริโภคมากกว่า 9,500 คนทั่วโลก ว่าอะไรที่ทำให้ลูกค้ากล้าที่จะสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ E-Commerce หรือการช็อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลมาปรับใช้ได้กับเว็บไซต์ขายของ ขายสินค้าออนไลน์ หรือเว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ของคุณได้เลย


ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ E-Commerce ต้องมีอะไรบ้าง เช็คเลย [2025]
อะไรที่ทำให้ลูกค้ากล้าซื้อของออนไลน์ – NP Patel – สำรวจเมื่อ ม.ค. 2025

1. รีวิวจากลูกค้าจริง ๆ (91%)

เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นคือรีวิว หรือ Testimonial ที่ได้จากลูกค้าจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรีวิวใน Google Business รีวิวเป็นรูปที่ลูกค้าถ่ายกับสินค้าหรือบริการ หรือรีวิวที่เกิดจากการสัมภาษณ์ลูกค้ามาลง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าที่เข้ามาดูได้เป็นอย่างดีครับ

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: การเพิ่มในเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพียงแค่ทำ Section นึงขึ้นมา เพื่อแสดงรีวิวสินค้าและบริการของคุณจริง ๆ สามารถทำให้ลูกค้าของคุณดูเพื่อประกอบการตัดสินใจได้เป็นอย่างดีครับ


2. คืนของง่าย ไม่ยุ่งยาก (82%)

ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ E-Commerce ต้องมีอะไรบ้าง เช็คเลย [2025]
ตัวอย่างโซนแสดงข้อมูลการจัดส่งและนโยบายการคืนสินค้าของเว็บ The North Face

เพราะการซื้อของออนไลน์ส่วนใหญ่ไม่เห็นของ และไม่ได้ทดสอบการใช้งานจริง ๆ เพราะฉนั้นการแจ้งนโยบายการคืนสินค้าที่ชัดเจนจะช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจได้มากขึ้นว่า หากสินค้าที่ได้รับไม่ตรงกับความต้องการ ใช้งานไม่ได้ หรือเปลี่ยนใจ ทางร้านสามารถรับผิดชอบอย่างไรได้บ้าง อะไรที่เข้าข่ายหรือไม่เข้าข่าย

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: การเพิ่มส่วนนี้ในเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ก็ไม่ยากครับ สร้างหน้านโยบายการรับประกันสินค้า และการคืนสินค้าที่แจ้งเงื่อนไขให้ชัดเจนว่าแบบไหนบ้างถึงเข้าเงื่อนไขการคืนสินค้า ถ้าคืนต้องทำอย่างไร และขั้นตอนต่อไปอย่างไร แจ้งให้ทราบก่อนลูกค้ากดสั่งซื้อและชำระเงิน (Checkout) จะป้องกันความเข้าใจผิดได้ดีที่สุดครับ


3. จัดส่งเร็ว ทันใจ (80%)

ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ E-Commerce ต้องมีอะไรบ้าง เช็คเลย [2025]
ตัวอย่างส่วนการแสดงการจัดส่งของเว็บไซต์ Canada Goose

ลูกค้าชอบสินค้าที่จัดส่งไวครับ จึงทำให้ขนส่งในยุคปัจจุบันมักจะขุดโปรโมชั่นและข้อเสนอเช่น จัดส่งเร็ว จัดส่งในวันเดียวกันขึ้นมา

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: แจ้งเวลาที่จัดส่งที่แน่นอนในเว็บไซจ์ขายของออนไลน์ โดยอาจเน้นไปที่การแสดงในหน้าแสดงสินค้านั้น ๆ เช่น จัดส่งภายใน 1-2 วัน (กทม.) จัดส่งภายใน 3 วัน (ต่างจังหวัด) หรือแจ้งว่าเป็นสินค้าพรีออร์เดอร์ รอรับสินค้าใน 30 วัน เป็นต้น แจ้งว่าส่งผ่านขนส่งใด หรือมีขนส่งให้ลูกค้าเลือกตามที่สะดวกได้ และควรมีระบบที่แจ้งเลข Tracking ให้กับลูกค้าติดตามพัสดุได้เองหลังจากสั่งซื้อและชำระเงินแล้ว


4. ราคาโปร่งใส (64%)

ลูกค้าต้องจ่ายค่าสินค้านี้ในเว็บไซต์เท่าไหร่ รวมค่าส่งแล้วเท่าไหร่ รวม VAT และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ แล้วเท่าไหร่ จุดนี้ก็เป็นจุดที่สำคัญเช่นกันครับ ลูกค้าจำนวนมากมักจะไม่ชอบที่เห็นราคาสินค้าราคาหนึ่งในหน้าสินค้า พอกดลงตะกร้ามาแล้วมีค่าใช้จ่ายจุกจิก ก็จะเป็นตัวที่ทำให้ลูกค้าเบนเข็มไปซื้อแพล็ตฟอร์มอื่น หรือแย่ยิ่งกว่าคือร้านอื่นได้

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: จัดแจ้งค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนตั้งแต่หน้ารวมสินค้าว่าราคาเท่าไหร่ รวม VAT แล้วหรือยัง ค่าส่งสามารถให้ลูกค้าเช็คได้ว่าพื้นที่หรือรหัสไปรษณีย์ที่ตัวเองอยู่ราคาค่าส่งเท่าไหร่ และแจ้งว่ามีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ใดเพิ่มเติมบ้างตั้งแต่ก่อนไปยังหน้าสั่งซื้อและชำระเงิน (Checkout)


5. ระบบชำระเงินที่ปลอดภัย (57%)

ในยุคปัจจุบันมักจะมี Concern เรื่องของการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้าและการแอบอ้างการนำบัตรเครดิตที่กรอกในเว็บไซต์ไปใช้ในทางที่ไม่พึงประสงค์ เพราะฉนั้นการที่ลูกค้าจะมั่นใจได้ว่าข้อมูลบัตรเครดิตที่กรอกไปจะไม่ได้ถูกนำไปใช้อย่างไม่พึงประสงค์เป็นเรื่องสำคัญมากครับ

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: Payment Gateway มาตรฐานในยุคปัจจุบันมักจะมีระดับความปลอดภัยที่สูงอยู่แล้ว บวกกับหน้าที่ใช้กรอกเลขบัตรเครดิต หรือจ่ายผ่าน E-Banking มักจะเกิดขึ้นในหน้าเว็บของผู้ให้บริการเขาเอง ที่เมื่อชำระเงินเสร็จแล้วจะเด้งกลับไปที่หน้าเว็บ E-Commerce อีกที เพราะฉนั้นสามารถเขียนแจ้งลูกค้าก่อนทำการสั่งซื้อได้ว่าเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของคุณนั้นใช้บริการ Payment Gateway ที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน 1, 2, 3, 4, หรืออื่น ๆ ตามที่ได้ข้อมูลมา ก็สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือได้เช่นกันครับ

อ่านเพิ่มเติม: Payment Gateway เจ้าไหนดี สำหรับรับบัตรเครดิตได้ เว็บไซต์ E-Commerce เปรียบเทียบเลย


6. โปรโมชั่นลดเฉพาะบุคคล (Personalized Offer) (44%)

ส่งโค้ดส่วนลดเฉพาะบุคคล แนะนำสินค้าตามความชอบหรือพฤติกรรมการซื้อ และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าประจำ

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: มีระบบคูปองหรือระบบส่วนลดสำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว หรือลูกค้าที่เคยมียอดสั่งซื้อเข้ามาก่อน หรือจัดการ Feed สินค้าให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าสนใจอยู่แล้ว ให้เขาเจอสินค้าที่เขาอยากซื้อได้ง่ายขึ้น ก็จะเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายได้ครับ


7. ตอบไว ใส่ใจบริการ (43%)

การที่มีช่องทางการติดต่อหลายช่องทาง และเมื่อลูกค้าติดต่อไปแล้วตอบเร็ว ให้ข้อมูลได้ดี หรือแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างจริงจัง เป็นส่วนที่จะทำให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าและบริการ รวมถึงแบรนด์ของคุณด้วยเช่นกันครับ โดยเฉพาะลูกค้าในตลาดไทยที่มักจะมีพฤติกรรมการซื้อขายที่ต่างกับต่างชาติ นั่นคือถามก่อนแล้วค่อยสั่งซื้อ ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำเว็บไซต์ E-Commerce ครับ

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: ทำให้ส่วนบริการลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย เช่นทำให้ปุ่มแอดไลน์ ปุ่มโทร หรือช่องทางการติดต่อที่ต้องการนั้นเห็นได้ชัดเจนในเว็บไซต์ หรืออาจทำเป็นปุ่มลอย ๆ ที่เลื่อนตามลูกค้า (หากคุณทำเว็บไซต์ WordPress ทำได้โดยใช้ Plugin เช่น Chaty คลิกอ่านบทความแนะนำที่นี่)


8. มีส่วนแสดงคำถามที่พบบ่อย (FAQ) (35%)

ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่จะช่วยให้การตัดสินใจซื้อของลูกค้าเป็นไปได้ง่ายขึ้น เพราะมีข้อมูลที่ลูกค้าเชื่อว่ามาจากลูกค้าสอบถามทางร้านค้าไปซ้ำ ๆ มารวมไว้เพื่อช่วยคลายข้อสงสัยของลูกค้าก่อนการสั่งซื้อ

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: ทำเป็นส่วน Toggle/Accordion คลิกปิดเปิดได้ หรือสร้างหน้า FAQ เฉพาะ เพื่อรวมคำถามที่พบบ่อย และส่วนนี้มักจะนิยมใช้ในเว็บไซต์เพื่อเสริมการทำอันดับ SEO ด้วยเช่นกัน


9. “ซื้อที่นี่ถูกที่สุด” (Price Match Guarantee) (34%)

หากสินค้าของคุณมีวางจำหน่ายหลายที่ หรือมีหลายเจ้าที่ขายสินค้าแบบเดียวกัน การขึ้นป้ายว่า “ซื้อที่นี่ราคาดีที่สุด” จะเป็นอะไรที่ส่งเสริมการขายได้อย่างมากครับ… ถ้าราคาของคุณถูกที่สุดจริง ๆ นะครับ

โดยส่วนตัวผมเองในข้อนี้มักจะเจอกับแบรนด์ที่ขายสินค้าหลายแพล็ตฟอร์ม และพอมาในเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่เป็นของตัวเองจะขายถูกกว่าแพล็ตฟอร์มพวกนั้นเพราะไม่ต้องเสีย % อะไรเพิ่มเติมในแต่ละยอดขาย เลยสามารถการันตีได้ครับ


10. สั่งซื้อผ่านมือถือง่าย (28%)

ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ E-Commerce ต้องมีอะไรบ้าง เช็คเลย [2025]
ตัวอย่าง UX/UI หน้าสั่งซื้อชำระเงิน Shopify

ปฎิเสธไม่ได้ครับว่าในยุคปัจจุบันลูกค้ามักจะทำรายการสั่งซื้อหรือสอบถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณผ่านมือถือซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉนั้นในทุกกระบวนการตั้งแต่ลูกค้าเปิดเว็บไซต์มา กดสินค้าลงตะกร้า กดสั่งซื้อ จ่ายเงิน ติดตามคำสั่งซื้อ ทุกอย่างต้องออกแบบมาให้ “Mobile Friendly” ครับ

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: การวาง UX/UI สำหรับมือถือนั้นสำคัญมาก ๆ ในการทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ครับ แม้แต่จุดเล็ก ๆ เช่นการเลือกใช้ไอคอนหรือสัญลักษณ์ที่ลูกค้าดูแล้วเข้าใจทันที เช่นปุ่มกดใส่ตะกร้า ปุ่มดูสินค้าในตะกร้า ปุ่ม Login/Register ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ วิธีการสั่งซื้อและชำระเงิน ทุกขั้นตอนทุกอย่างควรจะออกมาลื่นไหลที่สุดครับ หากคุณต้องการทำตลาดออนไลน์ในยุคนี้ มือถือเป็นส่วนนึงที่สำคัญที่สุดครับ


11. คำอธิบายสินค้าที่ชัดเจน

ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ E-Commerce ต้องมีอะไรบ้าง เช็คเลย [2025]
ตัวอย่างแท็บแสดงข้อมูลของ The North Face

ลูกค้าจะอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการตั้งแต่ภาพรวม จนถึงข้อมูลจำเพาะครับ ยกตัวอย่างเช่นผมขายเสื้อดาวน์ขนเป็ดตัวนึงสำหรับไปประเทศเมืองหนาว ในส่วนของภาพรวมผมก็อาจเขียนว่าดาวน์เท่าไหร่ มีซิป มีกระเป๋ายังไงบ้าง หรืออาจเขียนไปด้วยว่าเหมาะกับการใช้งานอุณหภูมิเท่าไหร่สำหรับคนที่ใส่ไม่เป็น และในอีกหัวข้อผมจะลงลึกดีเทล สำหรับคนที่เริ่มสนใจว่าวัสดุทำจากอะไร ความกว้าง น้ำหนักอย่างไร และมี Size Chart อย่างไร เป็นต้น ให้เป็นข้อมูลเชิงลึกในการประกอบการตัดสินใจครับ

🛒 แนะนำเทคนิคสำหรับใส่เว็บไซต์ E-Commerce: ทำเป็น Tab ที่แบ่งหัวข้อชัดเจนได้ยิ่งดีครับ เช่นตัวอย่างข้างต้น ผมอาจแบ่งเป็นแท็บข้อมูลทั่วไป ที่อาจแปะ Infographic ให้เข้าใจง่าย มองภาพรวมชัดเจน เหมาะกับการไปอุณหภูมิเท่าไหร่ เจาะตั้งแต่คนที่ดูเป็นจนถึงมือใหม่ไม่เคยไปเมืองหนาว อีกแท็บนึงก็จะเป็นข้อมูลจำเพาะที่ทำเป็นตาราง สำหรับคนที่ต้องการ Spec เสื้อที่ชัดเจน วัสดุทำจากอะไร น้ำหนักเท่าไหร่ อีกแท็บนึงก็อาจเป็น Size Chart ครับ โดยรวมคือแยกเนื้อหาให้เป็นหมวด ๆ สำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ดูครับ



การขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่มีสินค้าดีอย่างเดียว แต่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าด้วยครับ ลองนำเทคนิคที่แนะนำไปปรับใช้กับร้านค้าออนไลน์ของคุณ รับรองว่าจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและยอดขายได้อย่างแน่นอนครับ 🚀

#ทำเว็บไซต์ECommerce #ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ #ขายของออนไลน์ #ร้านค้าออนไลน์ #รับทำเว็บไซต์ #ธุรกิจออนไลน์